ตลาดรถมือสอง
follow us Home - ROD123.COM
รอบรู้เรื่องรถยนต์
ค้นหาบทความในหมวดนี้
ความปลอดภัย
วิธีขับรถให้ปลอดภัยขณะฝนตก
รอบรู้รถยนต์ >>  ความปลอดภัย
วิธีขับรถให้ปลอดภัยขณะฝนตก
เมืองไทยกับฝนตกเป็นของคู่กัน สภาพถนนและทัศนวิสัยของการขับท่ามกลางสายฝน แตกต่างจากการขับปกติทั่วไป และต้องเพิ่มความระวังเป็นพิเศษ ดังนั้นทางเราจึงขอแนะนำวิธีขับปลอดภัยในเวลาฝนตก โดยเริ่มจาก 

22102010165114.jpg
1. ไม่ขับชิดคันหน้าเกินไป 
จากทัศนวิสัยที่ไม่แจ่มชัดในขณะฝนตก บวกกับสภาพถนนที่เปียกลื่น การขับจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ไม่ควรใช้ความเร็วสูง และที่สำคัญไม่ขับชิดคันหน้าจนเกินไป ควรทิ้งระยะห่างจากการขับในสภาพปกติ อีก 10-15 เมตร เพื่อความปลอดภัยหากขับชิดเกินไปและมีการเบรกกระทันหันผู้ขับรถยนต์ที่ตามหลังจะไม่สามารถใช้เบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับการขับขี่ในสภาพปกติ อีกทั้งละอองน้ำที่ดีดจากรถยนต์คันหน้ายังทำให้ทัศนวิสัยของผู้ขับรถยนต์ ที่ตามมาด้านหลังไม่ชัดเจน หากเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก ละอองน้ำจะไม่ค่อยสกปรก และไม่สร้างปัญหาให้ผู้ขับตามหลังมากนัก แต่ถ้าเป็นช่วงที่ฝนตกปรอยๆ หรือหลังฝนหยุดใหม่ๆ ละอองน้ำที่กระเด็นมาส่วนใหญ่เป็นน้ำผสมกับฝุ่นละอองซึ่งจับอยู่บนพื้นถนน ทำให้มีลักษณะคล้ายคราบโคลน แม้จะใช้ที่ปัดน้ำฝน แต่ยังทิ้งคราบเหนียวของโคลน ทำให้ลดความชัดเจนของทัศนวิสัยด้านหน้าลง 

2. ชะลอความเร็วเพื่อความปลอดภัย 
ในกรณีที่ฝนตกหนัก การใช้ความเร็วสูงในการขับคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และในกรณีที่ฝนตกปรอยๆ หรือหลังฝนหยุดใหม่ๆ ควรขับด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรใช้ความเร็วสูงด้วยเช่นกัน จากการทดสอบในช่วงฝนเริ่มตกจนถึง 10 นาทีแรกค่าความต้านทานต่อการลื่นไถลของผิวถนนจะลดต่ำลงมาก เพราะน้ำฝนจะไปชะล้าง คราบดินหรือฝุ่นละอองที่อยู่บนถนนคล้ายกับมีการละเลงโคลนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากนั้นการขับด้วยความเร็วสูงขณะฝนตก อาจทำให้เกิดอาการ HYDRO PLANING จนทำให้เกิดการแฉลบ เพราะยิ่งใช้ความเร็วสูง แรงดันของน้ำระหว่างยางกับถนนจะเพิ่มขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้เกิด การแล่นบนผิวน้ำ โดยน้ำเข้าไปแทรกกลางระหว่างยางกับผิวถนนจากการทดสอบในช่วงความ เร็วต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะยังไม่เกิด HYDRO PLANING ช่วงความเร็ว 70-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะเริ่มมีการเข้าแทรกกลางระหว่างผิวถนน และยางของน้ำ แต่ถ้าความเร็วเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง น้ำจะเข้าแทรกกลางอย่างสมบูรณ์ และไม่มีการสัมผัสกัน ระหว่างหน้ายางกับผิวถนน อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการ HYDRO PLANING เช่นความเร็ว, แรงดันลมยาง, ความมากน้อยของน้ำบนผิวถนน และความเก่าใหม่ของยาง 

3. เปิดไฟเพิ่มความปลอดภัย 
แม้ช่วงฝนตกจะเป็นเวลากลางวัน แต่บ่อยครั้งสภาพอากาศในช่วงเวลาที่ฝนตก มักมืดครึ้มคล้ายช่วงหัวค่ำ ทำให้ประสิทธิภาพในการมองของผู้ขับลดลง 
การเปิดไฟคู่หน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตนเอง และเพื่อนร่วมทาง เพราะจากทัศนวิสัยที่ไม่ชัดเจนผ่านการมองกระจกทั้งมองข้าง และมองหลัง ซึ่งมักมีเม็ดฝนเกาะ อาจจะทำให้ผู้ขับขี่ที่อยู่ด้านหน้าไม่สามารถสังเกต เห็นรถยนต์ที่ตามมาด้านหลังได้ การเปิดไฟส่องสว่างแบบต่ำจึงช่วยเพิ่มความปลอดภัย ได้ในระดับหนึ่ง 

4. การใช้น้ำฉีดกระจก 
ในช่วงที่ฝนตกปรอยๆ หรือหลังฝนหยุดใหม่ๆ น้ำที่กระเด็นจากการดีด ของล้อรถยนต์คันหน้ามีลักษณะเหนียวคล้ายโคลน เพราะเป็นการผสมระหว่าง น้ำกับฝุ่นละอองบนถนน เมื่อกระเด็นมาเกาะที่กระจกบังลมหน้าของรถยนต์คันหลัง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจน แม้ใช้ก้านปัดน้ำฝนก็ไม่สามารถกวาดได้อย่างหมดจด ต้องใช้น้ำฉีดกระจก ช่วยชะล้างคราบโคลน ผู้ขับควร ตรวจสอบระดับของน้ำในกระป๋องอยู่เสมอ แต่ข้อควรระมัดระวังคือไม่ควรฉีดน้ำในขณะขับด้วยความเร็วสูง 

5. หลีกเลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อฝนตกหนัก 
บ่อยครั้งที่ฝนตกหนักจนทัศนวิสัยข้างหน้าไม่ชัดเจน ผู้ขับมักนิยมไฟฉุกเฉินด้วยความหวังดี เพราะต้องการให้รถยนต์ที่ตามมาข้างหลังเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งที่ความจริงแล้ว เป็นเรื่องไม่จำเป็นและเป็นการรบกวนสายตายิ่งไปกว่านั้น หากผู้ขับรถยนต์คันหน้าต้องการเปลี่ยนช่องทาง จะทำให้ผู้ขับรถยนต์ ที่ตามมาข้างหลังไม่ทราบเพราะมีไฟกะพริบทั้ง 4 มุม แค่เปิดไฟต่ำก็เพียงพอแล้วข้อควรปฏิบัติในกรณีที่ฝนตกหนักคือ ไม่ควรขับชิดรถยนต์คันหน้าเกินไป ใช้ความเร็วต่ำเปิดไฟส่องสว่าง เพื่อให้ผู้ขับรถยนต์คันที่อยู่ข้างหน้าและหลังทราบ และไม่ควรเปลี่ยนช่องทางโดยไม่จำเป็นหากฝนตกหนักจนทัศนวิสัยแย่จริงๆ ควรจอดรถยนต์ ชิดไหล่ทางและเปิดไฟฉุกเฉิน ให้รถยนต์ที่ตามมาด้านหลังทราบ รอจนกระทั่งฝนลดลงแล้วจึงค่อยเดินทางต่อ 

6. ยาง อีกความปลอดภัยในหน้าฝน 
ยางรถยนต์มีผลอย่างมากต่อความปลอดภัย หากสูบลมยางน้อยไป อาจทำให้รถยนต์แฉลบได้ง่าย ซึ่งในหน้าฝนควรเพิ่มแรงดันลมให้มากขึ้นจากเดิมอีก 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็ง และมีกำลังในการรีดน้ำดอกยางและขนาดของหน้ายาง ยังมีผลต่อประสิทธิภาพการยึดเกาะในขณะขับรถยนต์ หากใช้ยางดอกละเอียดจะทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น เพราะมีการรีดน้ำได้ดีขณะที่หน้ายางยิ่งกว้าง ยิ่งทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะลดลง เพราะประสิทธิภาพในการรีดน้ำออกจากหน้ายางลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับยางที่มีหน้ายางแคบกว่า 

7. การขับรถยนต์ลุยน้ำท่วม 
ขณะที่ฝนตกหรือหลังฝนหยุด บางจุดของผิวถนนมีน้ำท่วมขัง การขับต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น การขับด้วยความเร็วสูงผ่านจุดที่มีน้ำขังเป็นอันตรายอย่างยิ่ง อาจทำให้รถยนต์แฉลบ หรือเสียการทรงตัวได้ง่าย นอกจากนั้น อาจจะทำให้น้ำพุ่งกระจายขึ้นมาเต็มกระจกบังลมหน้า และไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ ซึ่งอันตรายมากหากจุดที่มีน้ำท่วมขังอยู่ใกล้ทางเดินเท้า การใช้ความเร็วต่ำและความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นไปโดนคนที่เดินบนทางเท้า เป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติ 
 ลุยน้ำอย่างมั่นใจ ควรใช้ความเร็วต่ำ ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าสู่ระบบจุดระเบิด จนเครื่องยนต์ดับ และขับทิ้งระยะจากรถยนต์คันหน้าพอสมควร เมื่อต้องขับสวนกันควรชะลอความเร็ว โดยเฉพาะสวนกับรถยนต์ขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้ระลอกคลื่นเข้าปะทะด้านหน้าจะทำให้เครื่องยนต์ดับ และถือเป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติเช่นกัน 
 ย้ำเบรกเพื่อความมั่นใจ หลังผ่านการลุยน้ำหรือผิวถนนที่มีน้ำท่วมขัง ประสิทธิภาพของระบบเบรกจะลดลงจากเดิม การแตะเบรกเบาๆ ขณะขับ จะช่วยไล่ความชื้นออกจากดิสก์หรือดรัมเบรก รวมถึงผ้าเบรก แต่ข้อควรระวังคือ ระมัดระวังรถยนต์ที่ตามมาข้างหลัง ควรเลือกจังหวะเบรกให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้


โดย scorpions M เวลา 31 ส.ค. 2552 09:59 ip 202.22.xxx.xxx
ขอบคุณข่าวโดย http://www.glosgu.com/forums/view.php?qid=504
อ่าน 2530 ครั้ง
แบ่งปันหน้านี้
  รอบรู้รถยนต์
 
การขับรถอย่างปลอดภัยบนทางด่วน
สุภาพสตรีมีครรภ์ กับหารนั่ง/ขับรถ
วิธีขับรถให้ปลอดภัยขณะฝนตก
วิธีขับรถขณะน้ำท่วม
ทำอย่างไรเมื่อเกิดอุบัติเหตุยางระเบิดและรถตกน้ำ
ข้อควรรู้ของสาวๆ ในการใช้รถหน้าฝน
วิธีการป้องกันการโจรกรรม รถยนต์
ทำไมต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีท (Car Seat)
อ่านต่อ »
Loading...

 |  Home   |  ไฟแนนซ์รถยนต์   |  ศูนย์ซ่อมรถ   |  ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่ง   |  ผู้ผลิตรถยนต์   |  รถเช่าเหมาคัน   |  อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์  | 
 |  รถเต็นท์   |  รถบ้าน   |  เต็นท์รถมือ2   |  รถกระบะ   |  รถอเนกประสงค์   |  รถตู้   |  รถเก๋ง   |  ราคารถใหม่   |  โฆษณาย่อย(Free Post)  | 

 ประกาศขายรถมือสอง ฟรี!
 สอบถาม/ปัญหาการใช้เว็บ
 Line : contactrod123
Copyright © ROD123.COM. All rights reserved
ติดตาม rod123usedcar